วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

คำขวัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

" มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"

“มั่นคง” หมายถึง การมีเสถียรภาพทางการเมืองประชาชนต้องมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง และมีความยุติธรรม ซึ่งการที่ประเทศเกิดความสงบสุขสันติ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้อย่างเข้มแข็ง และเป็นพื้นฐานที่จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลกำลังเร่งปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพรวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
“มั่งคั่ง” หมายถึง การทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามสมควรแก่ฐานะ การทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยต้องร่วมกันกับประเทศต่างๆอาเซียนเพื่อสร้างภูมิภาคให้เข้มแข็ง มั่นคง และมั่งคั่ง มุ่งยกระดับภาคการผลิตและบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษาเพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
“ยั่งยืน” หมายถึง การคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งต้องยึดความต้องการของประชาชนเป็นหลักต้องเริ่มจากการเข้าใจปัญหาที่แท้จริงจากพื้นที่หรือจากชุมชน    ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเหมาะสมตามกำลังความสามารถของตนเอง ใช้หลักเหตุและผลและการรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง หรือการมีภูมิคุ้มกันตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเน้นเรื่องความเข้มแข็งจากภายในตัวบุคคลชุมชนและสังคม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนจะต้องตระหนักถึงความสำคัญ เพราะในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งต้องสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคให้มากขึ้น และเชื่อมโยงกับโลกด้วย โดยภาคเอกชนจะเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในขณะที่ภาครัฐจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนโดยการดำเนินนโยบายการปรับปรุงสภาวะแวดล้อมต่างๆที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ และให้บริการช่วยเหลือสนับสนุนปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ภาคธุรกิจแข่งขันได้ แต่ความท้าทายที่สำคัญ คือทำอย่างไรให้นโยบายของภาครัฐต่างๆที่มีอยู่สามารถดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงักแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งต้องร่วมกันสร้างระบบสถาบันที่แข็งแกร่งทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประเทศก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง เศรษฐกิจมีความมั่งคั่ง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาวที่ยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น